ศัลยกรรมความงามคาง
คางเป็นจุดที่สำคัญบนใบหน้าของคนเรา โดยหลักๆแล้วจะมีส่วนนูนอยู่ 4 จุด คือหน้าผาก จมูก แก้มและคาง การที่เราจะมีใบหน้าที่สวยงามได้นั้นต้องมีความสมดุลทั้ง 4 จุด ในบางครั้งถ้ามีส่วนใดส่วนหนึ่งนูนน้อยเกินไป ก็จะทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วนดังนั้นเราจึงต้องเสริมจุดนั้นๆให้นูนขึ้น เพื่อให้ใบหน้าดูสมส่วน กลมกลืนและสวยงามขึ้น คนที่คางดูเล็ก คางใหญ่หรือคางยื่น ล้วนทำให้เส้นโค้งไม่ได้รูปที่เหมาะสม ดังนั้นการเสริมคางจึงอาจหมายถึงการปรับเส้นโค้งให้เหมาะสมลงตัว แต่ทั้งนี้การเสริมคางต้องได้รับการตรวจดูสภาพของกรามทั้งหมดโดยแพทย์เสียก่อนว่า มีความผิดปกติที่ส่วนไหนร่วมด้วยหรือไม่ จะได้แก้ไขให้ถูกจุดและรักษาร่วมกันไปได้
วัสดุที่ใช้ในการเสริมคาง ศัลยกรรมคาง
ปัจจุบันนิยมใช้ซิลิโคนแท่งในการเสริมคาง เนื่องจากเป็นวัสดุที่ได้รับการยอมรับในวงการศัลยกรรมความงาม ว่ามีความปลอดภัยต่อร่างกาย
ประเภทของการทำศัลยกรรมคาง
แบบที่ 1. แบบเปิดแผลภายในปาก ตรงซอกเหงือกกับริมฝีปากล่างความยาวของแผลประมาณ 2 ซม. จากนั้นก็แยกเยื่อหุ้มกระดูกคางตรงขอบล่างขึ้นมาแล้ววางแท่งซิลิโคนเข้าไปให้พอดีกับตำแหน่งที่ต้องการ โดยวิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมทำกันและจะไม่มีรอยแผลให้เห็นจากภายนอก
แบบที่ 2. แบบเปิดแผลจากภายนอก จะทำให้เห็นรอยแผลบริเวณใต้คาง จะใช้ในกรณีคนที่มีปัญหาคางเล็ก และคนไข้ที่ฉีดคางมาก่อนและต้องการเอาส่วนที่ฉีดออก
การผ่าตัดทำศัลยกรรมความงามคางคล้ายกับการเสริมจมูก วัสดุที่นิยมใช้คือซิลิโคนแท่ง แต่แตกต่างกันที่ซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมมีรูปร่างไม่เหมือนกัน
ขั้นตอนการผ่าตัดศัลยกรรมคาง เสริมคาง
- แพทย์จะตรวจให้คำแนะนำกับคนไข้ เกี่ยวกับขนาดของซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมคางให้มีขนาด ที่เหมาะสมกับใบหน้า
- แพทย์จะวางยาสลบหรือใช้ยาชาฌฉพาะที่ร่วมด้วย แล้วแต่ดุลพินิจของแพทย์และความต้องการของคนไข้
- แพทย์จะผ่าตัดเสริมคางโดยวิธีปิดแผลในช่องปาก(เพราะจะไม่เห็นรอยแผลในการผ่าตัด) เพื่อวางแท่งซิลิโคนเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องการ หลังจากนั้นจะทำการเย็บแผลด้วยไหมละลาย
การดูแลหลังการผ่าตัดศัลยกรรมคาง เสริมคาง
- ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ และรักษาความสะอาดภายในช่องปาก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณที่ผ่าตัด ประมาณ 3-4 สัปดาห์ หลังการผ่าตัด
- ทานยาและปฎิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์
- มาพบแพทย์ตามกำหนดเวลานัด